กระแส E commerce สาขาที่ตลาดแรงงานต้องการสูงในปัจจุบัน
โดย Wiriyah Eduzones เมื่อ 5 เมษายน 2010 เวลา 4:44 น.
กระแส อินเตอร์ ทำให้คนผู้ในโลกที่แตกต่าง กลับมีความใกล้ชิดกันอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน มีวิถีชีวิตและพฤติกรรมไม่ต่างกันมากมายอย่างในอดีต
ผลที่ตามมาคือการ ค้าขายและบริการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้กลายเป็นกระแสหลักที่ทำให้เกิด อาชีพใหม่ ๆ มากมายในช่วง10 ปีที่ผ่านมา
ที่สำคัญ...มันจะยังคงเป็น กระแสหลักที่จะทำให้เกิดการพัฒนาระบบการค้าขาย ระบบการขนส่งระบบบริการ รวมทั้งระบบการศึกษาในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์เครือข่ายอินเตอร์เน็ต และระบบโทรศัพท์ อีกระบบอิเล็คโทรนิคใหม่ๆที่จะตามมาอีกมากมาย
จาก สถิติของคนในประเทศต่าง ๆ ทุกประเทศทั่วโลกบ่งบอกถึงพฤติกรรมการซื้อสินค้า ที่ต่างจากเดิม คือผู้คนมีความนิยมและซื้อของผ่านระบบอินเตอร์เน็ตและระบบโทรศัพท์มากขึ้น ทุกวัน ข้อมูลสถิติในเรื่องการค้าขายออนไลน์ ของอเมริกาและยุโรป และอีกหลาย ๆ ประเทศ พบว่าวันนี้คนนิยมซื้อของผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มากกว่าเดินทางไปช้อปปิ้ง ที่ร้านอย่างแต่ก่อน จำนวนเงินที่ใช้จ่ายผ่านระบบการค้าขายแบบใหม่นี้มากกว่าการซื้อสินค้าในรูป แบบเดิมมากมาย
ทำไม การซื้อสินค้าผ่านระบบ อินเตอร์เน็ตและโทรศัพท์จึงได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกประเทศ …เมื่อก่อน ถ้าเราจะซื้อโน้ตบุ๊คสักตัว เราต้องเสียค่าเดินทางเพื่อไปดูสินค้า สอบถามคุณสมบัติ หารุ่นที่ตรงต่อความต้องการของเรา
พนักงานขายก็จะพยายามให้ข้อมูล บรรยายความดีเลิศ ของโน้ตบุ๊คตัวนั้น เพื่อช่วยให้เราสบายใจในการจ่ายเงิน หลังจากนั้นก็อาจต้องมีการต่อรองราคา แล้วถ้าเราคิดว่าคุ้มค่าเราก็ซื้อ แต่เดี๋ยวนี้ เราเพียงต่อเชื่อมอินเตอร์เน็ต พิมพ์คำว่า ซื้อโน้ตบุ๊ค หรือร้านขายโน้ตบุ๊ค หรือตรวจสอบราคาโน้ตบุ๊ค ลงไปใน ช่องค้นหาข้อมูล ของ Search Engine อย่าง Google หรือ Yahoo แค่นี้ ก็จะมีข้อมูลมาให้ดูมากมาย
ข้อมูล ต่าง ๆ จะทำให้สามารถเทียบราคา หาราคาที่ถูกที่สุด ถ้าไม่แน่ใจเรื่องคุณภาพ สามารถหาข้อมูล เรื่องคุณภาพของโน้ตบุ๊ครุ่นที่จะซื้อได้ และที่ดีกว่านั้นคือสามารถได้ข้อมูลจากคนที่เคยใช้โน้ตบุ๊ครุ่นนี้ และเมื่อหาข้อมูลจนพอใจแล้ว เราก็เพียงแค่สั่งซื้อ จ่ายเงินโดยกรอกเลขบัตรเครดิต หรือบัตรเงินสด จากนั้นก็รอโน้ตบุ๊คที่จะเดินทางมาถึงที่ที่เราระบุให้มาส่ง
การซื้อของแบบนี้ดีกว่าเดิมมาก คือ ช่วยให้ได้สินค้าในราคาที่ถูกลงกว่าการซื้อแบบเดิม เพราะสินค้าจากบริษัทออนไลน์มักจะมีราคาถูกกว่าร้านค้าปกติ เนื่องจากร้านออนไลน์ ไม่มีต้นทุนมากนัก ไม่มีค่าเช่าร้าน ค่าจ้างพนักงาน ไม่มีค่าตกแต่งต่าง ๆ จึงทำให้สามารถขายของราคาถูกกว่าได้ ผู้ซื้อเองก็ไม่ต้องเสียค่าเดินทางและประหยัดเวลาในการหาซื้อ นอกจากนั้นการซื้อสินค้าแบบนี้ ยังมีข้อมูลที่ช่วยในการตัดสินใจจากคนมากมายที่เคยใช้งาน ช่วยให้เรามั่นใจกว่าการฟังจากปากพนักงานขายในแบบเดิม
บริษัทที่เข้า ใจและนำเทคโนโลยีมาใช้ในการค้าขายออนไลน์เกิดขึ้นมากมายและผู้ก่อตั้งบริษัท เหล่านี้ หลายคนสามารถสร้างความร่ำรวยมหาศาลในช่วงเวลาสั้น ๆ อย่างที่ไม่มีวันจะเป็นไปได้ในการค้าแบบเดิม จนทำให้คนเหล่านี้หลายคนกลายเป็นตำนาน ของความสำเร็จ ที่แม้แต่ตัวเองยังคาดไม่ถึง
จุดเริ่มต้นของการค้าออนไลน์ ที่โด่งดังที่สุดและเป็นปรากฏการณ์ของ อีคอมเมิร์ซ น่าจะเป็นเรื่องราวของ นาย เจฟฟ์ เบโซส ชาวอเมริกัน โดยเมื่อประมาณ 15ปีที่ผ่านมานี้ เป็นยุคเริ่มต้นของการใช้อินเตอร์เน็ต ในตอนนั้นอินเตอร์เน็ตใช้ในการทหารและการศึกษา เรียกว่ายังอยู่ในวงแคบ ๆ
“เจฟฟ์” สังเกตเห็นการเติบโตของจำนวนผู้ใช้อินเตอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วถึง ปีละ 2300 % ซึ่ง เมื่อเทียบกับทีวี แล้ว อินเตอร์เน็ตเติบโตเร็วกว่าทีวีมากมาย ข้อมูลตรงนี้เอง จึงทำให้เจฟฟ์คิดทำมาค้าขายบนอินเตอร์เน็ตขึ้นมาทันที...
อเมซอนดอท คอม ร้านขายหนังสือออนไลน์จึงเกิดขึ้นในปี 1995 โดยเจฟฟ์ใช้บ้านเป็นที่ทำงานด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นเพียงน้อยนิด ทว่า...ต่อมาไม่นาน “อเมซอนดอทคอม” กลายเป็นร้านขายหนังสือที่ “ใหญ่ที่สุดในโลก” มีหนังสือมากที่สุดและขายดีที่สุดในโลก เพียงแค่สี่ปีหลังจากนั้นเขากลายเป็น มหาเศรษฐีที่มีอายุเพียง 35 ปี มีสินทรัพย์ประมาณ 350,000ล้านบาท และยังได้รับเลือกเป็น บุคคลแห่งปีโดยนิตยสาร TIME ในปีนั้นอีกด้วย
ในโลกของการค้าขายทาง อิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนายเจฟฟ์แล้ว คงจะต้องกล่าวถึงบุคคลที่เป็นอีกตำนานของวงการ คือนายไมเคิล เดลล์ ลงทุนทำบริษัทขายโน้ตบุ๊คออนไลน์ด้วยเงินเพียง 40,000บาท
“เดลล์”... เริ่มต้นธุรกิจที่หอพักนักศึกษาในขณะที่เขายังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย เทกซัส โดยเริ่มโฆษณาทางอินเตอร์เน็ตให้คนที่อยากซื้อโน้ตบุ๊ค สามารถสั่งซื้อโน้ตบุ๊คได้
และนั่นคือจุดกำเนิดของการขายสินค้าแบบส่ง ตรงถึงมือลูกค้า จากโรงงานผลิต ไม่ต้องผ่านร้านค้าอีกต่อไป...
ผู้ซื้อโน้ตบุ๊คจากเดลล์สามารถกำหนดส่วนประกอบต่างๆได้เอง เช่นจะให้โน้ตบุ๊คมีความจุเท่าไรความเร็วเท่าไร จอเป็นชนิดไหน ก็สั่งมาได้เลย
ระบบค้าขายที่เดลล์สร้าง ได้รับความนิยมและแพร่หลายมากอย่างรวดเร็ว เพราะผู้ซื้อสามารถสั่งโน้ตบุ๊คที่มีรายละเอียดตรงตามที่ตนเองต้องการ ซึ่งมักจะหาไม่ได้ในร้านขายสินค้าแบบเดิม และยังซื้อได้ในราคาที่ถูกกว่าโน้ตบุ๊คจากร้านค้าอีกด้วย เดลล์ พัฒนาระบบและขยายการขายไปยังประเทศต่างๆ ภายในสามปี บริษัทเดลล์คอมพิวเตอร์ กลายเป็นบริษัทติดอันดับโลก ยอดขายของเดลล์ ชนะบริษัทไอบีเอ็ม บริษัทยักษ์ของอเมริกา
และปัจจุบัน ไมเคิล เดลล์ กลายเป็นตำนานของมหาเศรษฐี ที่รวยอันดับ Top20 ของโลก
ต่อจากนั้น ก็มีอีกปรากฏการณ์ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ล่าสุดในวงการอินเตอร์เน็ต นั่นคือสองหนุ่มนักศึกษาปริญญาเอก จาก มหาวิทยาลัย Stanford ชื่อ Larry Page and Sergey Brin
ทั้งสองคนไม่ได้คิดขายอะไรบนอินเตอร์เน็ต คงเป็นเพราะใคร ๆ ก็ค้าขายบนอินเตอร์เน็ตกันมากมาย ร้านค้าออนไลน์เปิดใหม่ทุกวินาที วินาทีละเป็นหลายร้อยร้านค้า เวบทั่วโลกเปิดตัววินาทีละหลายร้อยเวบ ข้อมูลในอินเตอร์เน็ตเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมากมาย ปัญหาคือแล้วผู้ใช้งานจะหาข้อมูลที่ต้องการได้อย่างไร และสองหนุ่มนี่แหละครับ ที่ได้สร้างระบบการหาข้อมูลต่าง ๆ ในโลกอินเตอร์เนคนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นั่นคือ Search Engine ในชื่อ Google และ Google ก็กลายเป็นตำนาน ที่ทำให้สองหนุ่มเป็นเศรษฐีหน้าใหม่ ที่ติดอันดับ 1 ใน 50 ของบุคคลที่รวยที่สุดในโลก
กระแส E commerce แทรกซึมไปทุกวงการ
TOFEL ใช้การสอบออนไลน์มาหลายปีแล้ว
เดี๋ยวนี้ วัยรุ่นเราซื้อตั๋วหนัง จองบัตรคอนเสิร์ต ผ่านระบบ อินเตอร์เน็ตและโทรศัพท์
เรามีระบบ I banking ทำให้โอนเงิน ตรวจสอบเงินและทำรายการต่าง ๆ โดยไม่ต้องไปที่ธนาคาร
มีผู้นิยมฟังเพลง เลือกเพลง ลองฟัง และซื้อ เพลงจากอินเตอร์เน็ตมากขึ้นอย่างรวดเร็ว (แต่ส่วนหนึ่งยังคงปักใจรัก MP3 แบบ 254 เพลง 100 บาท)
สายการบินราคาถูก ทำให้คนสามารถ ซื้อตั๋วเครื่องบินในราคาที่ถูกมาก ๆ และราคาก็ขึ้นกับความต้องการ คนที่ซื้อบัตรโดยสารก่อนจะได้ราคาที่กว่า และราคาตั๋วขึ้นกับระยะเวลาที่ตัดสินใจ
อาชีพใหม่ๆ จะเกิดมาจากกระแส E นี้อีกมาก จึงเป็นอีกหนึ่งกระแสที่จะทำให้เกิดสาขาอาชีพแห่งอนาคต
คณะสาขาที่น่าสน ซึ่งสามารถเข้าเรียนต่อเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมรับกับสาขาอนาคตในกระแส E
• คณะวิทยาศาสตร์ สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์
• คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์, วิศวกรรมซอฟต์แวร์
• วิทยาลัย การขนส่งและโลจิสติกส์สาขาวิชาวิทยาการจัดการโลจิสติกส์, สาขาวิชาการเดินเรือ,สาขาวิชาการจัดการอุตสาหกรรม, สาขาวิชาพาณิชย์นาวี
คณะวิทยาศาสตร์ สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์
การเรียนด้านวิทยาศาสตร์ คือการเรียนรู้เรื่องที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและการก้าวต่อไปในอนาคต จะศึกษาตั้งแต่สิ่งที่เล็กที่สุดจนถึงใหญ่ที่สุด โดยมีหลักการการสังเกต การตั้งสมมติฐาน มีการนำทฤษฎีมาใช้และมีการทดลองเพื่อพิสูจน์ให้เห็นผลว่าจะออกมาเป็นอย่างไร
สำหรับสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์จะศึกษาเกี่ยวกับหลักการเขียนโปรแกรมและการ ประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ระบบสารสนเทศ การวิเคราะห์และออกแบบระบบการจัดการฐานข้อมูล ระบบควบคุมการดำเนินงานสถาปัตยกรรมคอมพิวเตอร์ การสื่อสารข้อมูลและข่ายงานคอมพิวเตอร์
สำรวจตัวเองก่อนเรียน
ผู้ที่จะเรียนด้านวิทยาศาสตร์ จำเป็นที่จะต้องเป็นคนช่างสังเกต สนใจสิ่งต่าง ๆ รอบตัว ชอบค้นคว้า คิดสิ่งใหม่ ๆ และรู้จักทดลองเพื่อนำผลไปใช้ โดยผู้ที่จะเรียนต่อมหาวิทยาลัยนั้นจะต้องจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายสายวิทยา ศาสตร์ด้วย
แนวทางอาชีพในปัจจุบัน
ผู้ที่เรียนจบด้านวิทยาศาสตร์ สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ สามารถประกอบอาชีพได้หลากหลาย ถ้าหากต้องการรับราชการ ก็จะมีอาชีพรองรับ เช่น เป็น ครู อาจารย์ นักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ ส่วนการประกอบอาชีพในธุรกิจเอกชน ก็จะมีตำแหน่งงานในโรงงานอุตสาหกรรม บริษัทเอกชนทั่วไปหรือจะประกอบอาชีพส่วนตัวก็มีให้เลือกเช่น การเปิดร้านซ่อม ร้านขายทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ คิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อส่งขายทั้งในและต่างประเทศ เป็นต้น

คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์, วิศวกรรมซอฟต์แวร์
การเรียนวิศวกรรมศาสตร์ เป็นศาสตร์ของการเรียนรู้เกี่ยวกับการประยุกต์ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เพื่อสนองความต้องการของมนุษย์ ด้วยการใช้องค์ความรู้ต่าง ๆ, คณิตศาสตร์และประสบการณ์ เพื่อออกแบบอุปกรณ์และกระบวนการต่าง ๆ ผู้ที่ประกอบวิชาชีพทางวิศวกรรมจะเรียกว่า วิศวกร และมักจะเคารพนับถือเทพแห่งวิศวกรรม สำหรับวิศวกรในบางสาขาจำเป็นจะต้องขึ้นทะเบียนเพื่อขอ ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรม จาก สภาวิศวกร ก่อน ถึงจะออกแบบและเซ็นรับรองแบบได้ สำหรับสาขาที่มีอนาคตหางานง่าย รายได้ดี 2 สาขาก็มีดังนี้
1. วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ (Computer Engineering) เป็นศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบและสร้างเครื่องหรือระบบคอมพิวเตอร์และ ระบบที่ใช้คอมพิวเตอร์ ศาสตร์นี้เกี่ยวข้องกับการศึกษาทางด้าน ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ การสื่อสาร และความเกี่ยวเนื่องระหว่างเรื่องทั้งสาม หลักสูตรการเรียนมุ่งเน้นทางด้าน ทฤษฎี กฎและการฝึกฝนปฏิบัติของทางด้านวิศวกรรมไฟฟ้าและ คณิตศาสตร์ รวมถึงการประยุกต์เข้ากับปัญหาทางด้านการออกแบบคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ที่ใช้คอมพิวเตอร์
วิศวกรคอมพิวเตอร์จะต้องเคยศึกษาการออกแบบระบบฮาร์ดแวร์ดิจิทัล ซึ่งรวมถึงระบบการสื่อสาร องค์ประกอบของคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่ประกอบด้วยคอมพิวเตอร์ วิศวกรคอมพิวเตอร์จะเรียนการพัฒนาซอฟต์แวร์ โดยมุ่งเน้นเกี่ยวกับซอฟต์แวร์สำหรับอุปกรณ์ดิจิทัลและการสร้างส่วนต่อ ประสานระหว่างผู้ใช้งานซอฟต์แวร์และระหว่างอุปกรณ์ต่าง ๆ วิศวกรคอมพิวเตอร์อาจจะมีความรู้เน้นทางด้านฮารด์แวร์มากกว่าซอฟต์แวร์หรือ มีความรู้พอ ๆ กันทั้งสองด้านก็ได้ แต่สิ่งที่โดดเด่นคือวิศวกรคอมพิวเตอร์จะมีความรู้ทางด้านการวิศวกรรมที่ดี ด้วย
ปัจจุบันสาขาวิชาที่สำคัญในด้านวิศวกรรมคอมพิวเตอร์คือระบบฝังตัว การพัฒนาอุปกรณ์ที่มีซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ฝังตัวภายใน เช่น อุปกรณ์สื่อสารอย่าง โทรศัพท์มือถือ เครื่องเล่นวิทยุระบบดิจิทัล เครื่องบันทึกวิดีทัศน์ระบบดิจิทัล ระบบเตือนภัย เครื่องถ่ายรังสีเอ็กซ์และเครื่องมือผ่าตัดด้วยแสงเลเซอร์เป็นต้น ซึ่งล้วนแล้วแต่ต้องการการผนวกรวมฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ฝังตัวหรือของอื่น ๆ ที่เป็นผลจากการวิศวกรรมคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกัน
2. วิศวกรรมซอฟต์แวร์ (software engineering) เป็นศาสตร์เกี่ยวกับวิศวกรรมด้านซอฟต์แวร์ คือการใช้กระบวนการทางวิศวกรรมดูแลการผลิต ตั้งแต่การเริ่มเก็บความต้องการ, การตั้งเป้าหมายของระบบ, การออกแบบ, กระบวนการพัฒนา, การตรวจสอบ,การประเมินผล,การติดตามโครงการ, การประเมินต้นทุน, การรักษาความปลอดภัย ไปจนถึงการคิดราคาซอฟต์แวร์เป็นต้น
วิศวกรรมซอฟต์แวร์ประยุกต์ความรู้และเทคโนโลยีทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ วิทยาการคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีสารสนเทศการบริหารจัดการโครงการและสาขาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างซอฟต์แวร์ที่สามารถปฏิบัติงานตามเป้าหมาย ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด
วิศวกรรมซอฟต์แวร์เป็นศาสตร์ที่ทวีความสำคัญเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากในปัจจุบัน ซอฟต์แวร์มีความซับซ้อนเพิ่มขึ้น จำเป็นต้องมีการวิศวกรรมที่จะควบคุมและดำเนินการผลิตที่มีประสิทธิภาพสามารถ วัดผลได้และสามารถตรวจหข้อผิดพลาดพร้อมสาเหตุได้ อย่างสะดวกและรวดเร็ว เพื่อให้สามารถปรับปรุงแก้ไขซอฟต์แวร์ตั้งแต่อยู่ในระหว่างการผลิตได้
สำรวจตัวเอง
ผู้ที่จะเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรี จะต้องจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายสายวิทยาศาสตร์ ควรมีพื้นฐานความรู้ด้านคณิตศาสตร์ เคมี ฟิสิกส์ และภาษาอังกฤษเป็นอย่างดี
แนวทางอาชีพในปัจจุบัน
เป็นอีกสาขาหนึ่งที่ผู้เรียนจบมีเส้นทางการเลือกอาชีพได้มากมาย สามารถทำงานในหน่วยงานราชการต่าง ๆ เช่น กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงคมนาคม สำนักงานการพลังงานแห่งชาติ กรมชลประทาน กรมโยธาธิการหรือทำงานในรัฐวิสาหกิจ เช่น การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค องค์การโทรศัพท์ การสื่อสารแห่งประเทศไทย การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย โรงงานยาสูบหรือทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม หรือภาคเอกชนก็ยังเป็นที่ต้องการอยู่มาก โดยเฉพาะในด้านของคอมพิวเตอร์ และซอฟต์แวร์ที่ได้เข้ามามีบทบาทต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์เป็นอย่างสูงทั้ง ในปัจจุบันและในอนาคต
สาขาการบินพลเรือน
การเรียนด้านการบินจะได้เรียนรู้ในเรื่องของการอบรมและผลิตบุคลากรด้านการ บิน ซ่อมบำรุงเครื่องบินและบริการอื่น ๆ ด้านการบินทั้งระดับภายในประเทศและระหว่างประเทศ โดยมาตรฐานระดับสากลตามที่องค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ กำหนดไว้
ตรวจสอบตนเอง
โดย พื้นฐานแล้ว ผู้ที่จะเรียนด้านการบิน เพื่อที่จะเป็นนักบิน จะต้องมีความรู้ภาษาอังกฤษดี และมีความรู้ พื้นฐาน ด้านวิทยาศาสตร์ (ฟิสิกส์) และคณิตศาสตร์ ผ่านการตรวจร่างกายจาก สถาบัน เวชศาสตร์การบิน กรมแพทย์ทหารอากาศ ร่างกายแข็งแรง สายตาปรกติ การเรียนการสอน ใช้ภาษาอังกฤษในการเรียนการสอนตลอดหลักสูตรเช่นที่สถาบันการบินพลเรือน
แนวทางอาชีพในปัจจุบัน
ผู้ที่จบการศึกษาจะแบ่งออกเป็นหลายสาขา อาทิเช่น สาขานักบินพาณิชย์ สาขาบริหารการบิน สาขาซ่อมบำรุงเครื่องบิน และอื่นๆ ตามสาขาที่เลือกเรียน โดยมีแนวโน้มว่าความต้องการบุคลากรทางด้านนี้ยังมีอยู่สูง ซึ่งก็หมายความว่าเรียนจบมาแล้วมีงานรองรับและมีรายได้ดีอย่างแน่นอน
การขนส่งและโลจิสติกส์ (สาขาวิชาวิทยาการจัดการโลจิสติกส์,สาขาวิชาการเดินเรือ,สาขาวิชาการจัดการ อุตสาหกรรม, สาขาวิชาพาณิชย์นาวี)
โลจิสติกส์ ( logistics) หมายถึงกิจกรรมที่มีการเคลื่อนย้าย จัดเก็บ จากอีกที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง อาจมีการจัดเก็บระยะเวลานานหรือระยะเวลาชั่วคราว เช่น เอกสาร สินค้าสำเร็จรูป วัตถุดิบ และอื่น ๆ โดยโลจิสติกส์ มีศาสตร์แขนงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอยู่ 3 ศาสตร์ ดังนี้
1. วิศวกรรมศาสตร์ ในส่วนวิศวกรรมศาสร์นี้จะมีสาขาที่เกี่ยวข้อง คือ สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ(Industrial Engineering) และ สาขาวิศวกรรมโยธา (Civil Engineering )โดยสาขานี้จะคำนึงถึงกิจกรรมในการเคลื่อนย้ายสินค้าเป็นหลัก เพื่อให้การขนส่งสินค้านั้น มีประสิทธิภาพสูงสุด ใช้ทรัพยากรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อเพลิงหรือเวลาในการขนส่งให้น้อยที่สุด
2. บริหารธุรกิจ สาขานี้จะมองในเรื่องของการขนส่งระหว่างประเทศโดยจะพิจารณา ภาษี กฎหมาย ค่าระวาง นโยบายหรือยุทธศาสตร์ทางด้านโลจิสติกส์ของแต่ละประเทศและการค้าระหว่าง ประเทศเพื่อนำมาประกอบ การวางแผนการขนส่งสินค้าไปยังประเทศต่างๆ
3. การจัดการสารสนเทศ ซึ่งจะศึกษาในส่วนของ software และ hardware นำมาควบรวมกันเป็น solution หรือบริการที่จะช่วยให้การดำเนินกิจกรรมทางโลจิสติกส์มีความคล่องตัวมากขึ้น
เตรียมพร้อมก่อนเรียน
หัวใจสำคัญของการดำเนินกิจกรรมโลจิสติกส์ คือการจัดหาสินค้าหรือบริการตามความต้องการของลูกค้าและส่งมอบสินค้าไปยัง สถานที่ที่ลูกค้าระบุไว้ถูกต้องตรงตามเวลา และสินค้าอยู่ในสภาพสมบูรณ์ด้วยต้นทุนที่เหมาะสม ผู้เรียนจึงควรมีพื้นฐานทางด้านคณิตศาสตร์ หรือการคำนวนต่าง ๆ รวมทั้งมีพื้นฐานความรู้ด้านเทคโนโลยี และด้านภาษา โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ
แนวทางอาชีพในปัจจุบัน
เนื่องจากโลจิสติกส์ยังอยู่ในวงจำกัด ผู้ชำนาญการด้านโลจิสติกส์มีจำนวนเล็กน้อย อุปสรรคที่สำคัญคือขาดแคลนอาจารย์ที่สอนด้านโลจิสติกส์หลักสูตรโลจิสติกส์ โดยตรงมีน้อย ทั้ง ๆ ที่ผู้ประกอบการมีความตื่นตัวในการจัดการโลจิสติกส์มาก แต่ยังไม่สามารถนำไปประยุกต์ใช้อย่างเป็นระบบ ขณะเดียวกันภาครัฐเองก็ยังขาดบุคลากรที่มีความรู้ความเข้าใจด้านโลจิสติกส์ หรือที่มีความรู้ก็มีอยู่เพียงเล็กน้อยและไม่เพียงพอ ฉะนั้นผู้ที่จบการศึกษาด้านนี้ จึงเป็นที่ต้องการของหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และการปรับตัวของโลกในอนาคต
อาจารย์วิริยะ ฤาชัยพาณิชย์
wiriya@eduzones.com
www.eduzones.com/Creative Plus
No comments:
Post a Comment