Friday, 3 February 2017

รถไฟความเร็วสูงขบวนสุดท้ายที่มนุษย์อย่างเราๆต้องได้ขึ้นทุกคน


รถไฟความเร็วสูงขบวนสุดท้ายที่ทุกคนต้องขึ้น ห้ามนำสัมภาระใดๆติดตัวไปทั้งสิ้นยกเว้นบุญและบาปเท่านั้น

          ถ้าฟังดูในตอนต้นๆเหมือนทุกคนจะพากันดีอกดีใจเหมือนว่าตนเองจะได้ขึ้นขบวนรถไฟความเร็วสูงที่นั่งรอคอยรัฐบาลทุกยุคทุกสมัยมาเป็นเวลานานว่าเมื่อไรจะสร้างขึ้นเสียที เพราะชีวิตเราก็ร่วงโรยไปตามกาลเวลาก่อนตายก็อยากขึ้นหรือมีโอกาสได้นั่งกับเขาบ้างว่ารถไฟความเร็วสูงที่ว่ามันเป็นยังไง ครั้นจะให้ลูกๆพาไปนั่งซินคันเซ็นที่ญี่ปุ่นบ้างก็คงจะไม่ไหวเพราะแก่แล้วการเดินทางก็คงจะแสนยากลำบาก
            แต่รถไฟความเร็วสูงขบวนสุดท้ายที่ผู้เขียนจะกล่าวถึงนี้มันเป็นรถไฟตั๋วฟรีที่ทุกท่าน ยากดีมีจนจะรวยล้นฟ้าหรือยาจกที่ไม่มีข้าวจะกินมีสิทธิ์ได้ขึ้นทุกคนแน่นอนท่านไม่ต้องเสียเงินซื้อตั๋วแพงๆแม้แต่บาทเดียวและเขาจัดที่นั่งให้ท่านเสมอเหมือนกันหมด แต่มีข้อแม้ว่าห้ามนำสัมภาระใดๆติดตัวไปทั้งสิ้นแม้แต่กางเกงในตัวเดียวท่านก็ไม่สามารถนำติดตัวไปได้ และได้โอกาสไปทุกคนอย่างแน่นอนสิ่งที่เขาให้ผู้โดยสารนำติดตัวไปได้ก็คือ บาปและบุญเท่านั้น พอมาถึงตรงนี้แล้วทุกท่านอาจถึงบ้างอ้อว่ารถไฟความเร็วสูงที่ผมกล่าวถึงนี้มันคืออะไร
             สิ่งที่ผมกล่าวถึงก็คือความตายนั้นเองทุกท่านล้วนต้องเจอกับมันหลีกหนีไม่ได้อย่างแน่นอน นี้แหละคือรถไฟความเร็วสูงของท่านอย่างแท้จริงที่เขาจัดไว้รอท่านแล้วทั้งเด็ก ทั้งผู้ใหญ่ ทั้งคนพาล ทั้งบัณฑิต ล้วนไปสู่อำนาจแห่งความตายล้วนมีความตายเป็นเบื้องหน้า นี้เป็น พุทธศาสนสุภาษิตอีกบทหนึ่งที่แสดงสัจจะซึ่งไม่มีผู้ใดจะอาจคัดค้านหรือเกิดความเคลือบแคลงสงสัยได้แม้แต่น้อยทุกชีวิตมีความแตกดับ มีความตายรออยู่เบื้องหน้าไม่มีชีวิตใดเลยที่จะพ้นความตายไปได้ ดังที่พุทธศาสนสุภาษิต กล่าวไว้นั่นแหละ คือ ทั้งเด็ก ทั้งผู้ใหญ่ทั้งคนดี ทั้งคนไม่ดี ล้วนต้องตาย จะเร็วหรือช้าก็ต้องตายอำนาจของความตายไม่มีผู้ใดจะหนีพ้นเพียงหนีความตายไม่ได้ ทุกคนต้องตาย นี้ก็ยังไม่สมบูรณ์นักถ้าจะไม่นำพุทธภาษิตอีกบทหนึ่งมากล่าวไว้เสียในทีนี้ด้วยคือบทที่ว่า
             ทรัพย์สักนิดก็ติดตามตัวเราเมื่อตายแล้วไปไม่ได้พุทธศาสนสุภาษิตบทนี้ก็เช่นเดียวกันแสดงสัจจะที่ไม่มีผู้ใดจะอาจคัดค้านหรือเกิดความเคลือบแคลงสงสัยได้แม้แต่น้อยทุกคนได้รู้ได้เห็นประจักษ์ชัดแก่ตนเองอยู่ด้วยกันแล้วในความจริงนี้ไม่มีผู้ใดจะนำทรัพย์แม้สักนิดของตนติดตัวไปด้วยได้ยามต้องตายแม้จะพยายามเพียรหามันแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอนก็ตาม ผู้ที่เมื่อดำรงชีวิตอยู่ มีความสุขเพราะได้สั่งสมทรัพย์หรือเพราะมีทรัพย์มากมายเมื่อถึงเวลาตายจะนำความสุขเพราะทรัพย์ติดตัวไปด้วยไม่ได้ในเวลาสิ้นชีวิตสิ่งเดียวที่จะนำความสุขมาให้ คือ บุญ ขอย้ำว่า "บุญ" ที่เราสั่งสมมานั้นเอง มีพุทธศาสนสุภาษิตกล่าวไว้ด้วยว่า "บุญ" นำสุขมาให้ในเวลาสิ้นชีวิตจึงควรทำบุญทำแต่กรรมดีที่นำความสุขมาให้และความสุขอันเกิดแต่บุญนี้มีอยู่แก่ผู้สั่งสมบุญ ทั้งโลกนี้และโลกหน้าคือ ทั้งเมื่อยังไม่ตายก็เป็นสุข เมื่อตายแล้วก็เป็นสุข ดังที่มีกล่าวไว้ว่า ผู้ทำบุญแล้วย่อมยินดีในโลกนี้ ละไปแล้วย่อมยินดีชื่อว่ายินดีในโลกทั้งสอง เขาย่อมยินดีว่า เราทำบุญไว้แล้วไปสู่สุคติย่อมยินดียิ่งขึ้น
            ตรงกันข้ามกับผู้ทำบาป เพราะ "ผู้ทำบาป" ย่อมเศร้าโศกในโลกนี้ละโลกนี้ไปแล้วก็เศร้าโศก ชื่อว่าเศร้าโศกในโลกทั้งสองเขาเห็นกรรมอันเศร้าหมองของตน จึงเศร้าโศกและเดือดร้อนด้วยเหตุนี้คนจึงไม่ควรทำบาป ควรทำแต่บุญและควรทำบุญบ่อยๆ เรียกว่า "การสั่งสมบุญ" ถ้ากล่าวว่าควรสั่งสมความสุขอันเกิดแต่สั่งสมบุญก็ได้เพราะการสั่งสมอย่างอื่นหาอาจนำความสุขมาให้ได้ยั่งยืนหรือแท้จริงไม่การสั่งสมบุญเท่านั้นที่จะนำความสุขมาให้ยั่งยืนและแท้จริงแม้ความตายก็หาอาจพรากไปจากบุญหรือความสุขที่เกิดแต่บุญอันสั่งสมไว้แล้วได้ไม่ทุกคนต้องตาย และทุกคนก็ต้องการความสุขแม้คิดถึงความจริงนี้ให้ลึกซึ้งพอสมควรทุกคนก็น่าจะยินดีทำบุญคือ ทำความดีน่าจะยินดีสั่งสมบุญคือสั่งสมความ "ดี" ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะสมปรารถนาไม่ได้ คือจะมีความสุขไม่ได้
           ในทางตรงกันข้ามจะกลับมีความทุกข์เพราะธรรมดานั้นผู้ที่จะอยู่โดยไม่ทำกรรมใดเลยไม่มีคือ ไม่ทำทั้งกรรมดีคือบุญและไม่ทำทั้งกรรมไม่ดีคือบาปไม่มีจะต้องทำกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งในช่วงเวลาหนึ่ง มักเป็นปรกติเช่นนี้ดังนั้นผู้ไม่ทำบุญในเวลาใดจึงมักจะทำบาปในเวลานั้น ไม่มากก็น้อยผลของบาปเป็นความทุกข์ ผู้ไม่ทำบุญจึงมักทำบาป จึงไม่มีความสุขไม่เป็นสุข ดังกล่าวว่าจะสมปรารถนาไม่ได้ในเมื่อทุกคนปรารถนาความสุข
          ทุกคนต้องตาย ท่านก็ตาย เราก็ตาย ไม่มีผู้ใดหนีความตายพ้นไม่ช้าก็เร็วทุกคนจะต้องตาย ได้ขึ้นรถไฟความเร็วสูงฟรีทุกคนโดยไม่ต้องซื้อตั๋วแม้แต่บาทเดียว นึกถึงความจริงนี้ไว้ให้เสมอพร้อมๆ กับที่นึกด้วยว่า ทรัพย์สักนิดก็ติดตามตัวเมื่อเราตายไปไม่ได้บุญหรือบาปเท่านั้นที่จะติดตามทุกคนไป ให้ความสุขให้ความทุกข์แก่ทุกคนผู้กระทำบุญหรือบาปไว้นึกไว้เช่นนี้เสมอๆ นั่นแหละจะเป็นการบริหารจิต ห้ามจิตเสียจากความโลภได้ มากน้อยตามควรแก่ความปฏิบัติ ฉะนั้นทุกท่านไม่ต้องกลัวความตายมั่นสั่งสมบุญเอาไว้มากๆ รถไฟความเร็วสูงจอดรอท่านที่สถานีทุกขบวนเป็นอย่างดีอย่าไปกลัวว่าท่านจะไม่มีโอกาสได้นั่งท่านมีสิทธิ์เสมอครับเขารอท่านแล้ว

ทบทวนจาก : การบริหารทางจิต สำหรับผู้ใหญ่ (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)

No comments:

Post a Comment